การเตรียม nanocrystal
Bottom up technology
หลักการของวิธีนี้คือการ ละลายของตัวยาในตัวทำละลายอินทรีย์หลังจากนั้น ใส่พวก nonsolvent ,stabilizers หลังจากนั้น nanocrystalsจะตกตะกอน ข้อดีของเทคนิคการตกตะกอนคือ ทำได้ง่าย และราคาถูก
Top down technology
ทำโดยใช้วิธี milling หรือ homogenization ในการเตรียม nanocrystal formulation
1 milling
ยาและ stabilizer จะถูกทำให้กระจายตัวอยู่ใน dispersion medium นำส่วนผสมนี้เข้าไปใน grinder chamber หลังจากนั้น เปิดเครื่อง Ball จะหมุนอย่างรวดเร็วแล้วจะได้อนุภาคยาที่อนุภาคเล็กกว่า nanocrystals
คุณสมบัติ (Physicochemical characteristics) ของ nanocrystals ที่ได้ด้วยวิธี milling
จะขึ้นอยู่กับจำนวนmilling balls ,ปริมาณส่วนผสมที่ใส่เข้าไป, ความเร็วของรอบของการหมุนชนิดของ grinder chamberและอุณหภูมิ ในขณะที่
ในวิธี milling จะต้องเลือกชนิดของ balls หรือ grinding chamber อย่างระวังเนื่องจากวัสดุในการทำ อุปกรณ์พวกนี้อาจจะทำปฏิกิริยากับยา หรือสารบางตัวที่ใส่ใน ส่วนผสมได้
2homogenization
เป็นวิธีการเตรียม nanocrystals ด้วยวิธีทำให้ได้อนุภาคขนาดเดียวกัน ซึ่งทำให้สองวิธี คือ
1.ultasonification ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้เครื่องสั่นความถี่สูง Ultrasonic ใช้ในการลดparticle sizeใน liquidor solid dispersed phase Ultrasonic homogenization จะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสำหรับลดขนาดของ อนุภาคแข็งและอนุภาคนิ่ม
2. high pressure homogenization
แบ่งออกเป็นสองชนิด
1microfluidizers ใช้เพื่อลดขนาดของอนุภาคของยาที่ละลายน้ำน้อย ให้เล็กระดับ submicron
2piston gap homogenizers ใช้ลดขนาดอนุภาคของยาที่อยู่ในน้ำ สารละลาย หรืออยู่ใน nonaqueous media
ซึ่งทั้งสองมีเป้าหมายเดียวกันคือลดขนาดอนุภาคด้วยการทำให้เป็นอนุภาคเหมือนกันภายใต้ความดันสูง
(high pressure homogenization)
Top down technology ที่ทำด้วยวิธี high pressure homogenizationจะใช้พลังงานน้อยกว่า milling
Top down and bottom up technology
เป็นการประยุกต์ใช้ทั้งสองวิธีมารวมกัน คือ ทำให้ยาตกตะกอนก่อน ตามด้วย high pressure homogenization
Spray Drying
วิธีนี้นิยมทำเพื่อให้สารละลาย หรือ suspension แห้ง ด้วยcylindrical cyclone หลังจากนั้น สเปรย์ solution จากทิศทางบนลงล่างและทำให้แห้งจากบนลงล่างด้วยลมร้อน จะได้ อนุภาคที่มีลักษณะกลม
การเลือก stabilizers ที่ใช้ในการเตรียม nanocrystal
การเลือก stabilizers เป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะจะมีผลต่อขนาดอนุภาคสุดท้ายของยา นอกจากนี้ stabilizer ยังป้องกันการรวมกลุ่มกันของอนุภาคยาอีกด้วย Polymers หรือ surface active agents จะคลุมพื้นผิวของยา และเพิ่มความคงตัวของยาด้วยการสร้าง steric barrierซึ่ง nanoparticle จะมีพื้นที่ผิวมากทำให้มี high surface free energy (ΔG) สูง ทำให้ยามีโอกาสเกาะกลุ่มกันได้ stabilizer จะไปลดค่า (ΔG) ทำให้ลดการเกาะกลุ่มของยาได้
ข้อดีของรูปแบบยาเตรียมที่เป็น nanocrystal เช่น
-เพิ่มoral bioavailability
-แก้ไขเรื่อง dose proportionality (อัตราส่วนระหว่างยาที่เป็น ionized form กับ unionized form)
-ลดปฏิกิริยาระหว่างยากับอาหาร ลดความแปรปรวนของสภาวะยาที่กินขณะที่มีอาหาร กับ กินตอนท้องว่าง
-นำมาทำได้ทุกรูปแบบยาเตรียม tablets, capsules, sachets or powder
-ความคงตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากมี stabilizer จะช่วยป้องกันการรวมกลุ่มกันของตัวยา
-สามารถใช้ได้กับยาที่ละลายน้ำน้อยทุกชนิด เนื่องจากสามารถทำให้เป็น nanoparticle ได้
ตารางแสดงตัวอย่างยารูปแบบ Nanocrystal ที่มีจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา
Nanocrystal technology เป็น technology ที่ใช้ค่าใช้จ่ายน้อย และ ไม่ยากจนเกิดไป ดังนั้น Nanocrystal technology น่าจะมีประโยชน์ในการแก้ปัญหาการละลายของยาที่ละลายน้ำได้น้อยซึ่งยานี้จำเป็นจะต้องบริหารยาโดยการกินได้อย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น