วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สาหร่ายเกลียวทองกับความงาม



สาหร่ายเกลียวทองกับความงาม


สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina) เป็นสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินขนาดเล็ก มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า องค็การอาหารและยาจัดให้เป็นผักชนิดหนึ่ง องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดคือ ปริมาณโปรตีนสูงถึง 65%สูงกว่าในเนื่องสัตว์และไข่ถึง 3 เท่า มีกรดอะมีโนที่จำเป็นต่อร่างกายถึง 18 ชนิด มีวิตตามินที่มีคุณค่า เช่น B1.B2.B3.B12.C และ E และเบต้า แคโรทีน ประมาณ20-25 เท่า ของที่มีในแครอท และมีธาตุเหล็กเป็น 3 เท่าของเนื้อ 1 ก้อน เป็นแหล่งกรดแกมม่าไลเลนิค (GLA) ซึ่งสามารถลด คลอเรสเตอรอล ได้ถึง 170 เท่า ของกรดไขมันไลโนลิคที่มีอยู่ในน้ำมันพืช มีวิตามินเกลือแร่ที่สามารถ ซึมซับเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็วเป็น 3-5 เท่า ของแล่งอาหารที่ได้จากสัตว์ ไข่ หรือเนยแข็ง
                เกริ่นนำมาพอสมควรแล้ว ทีนี้ก็มาถึงประเด็นสำคัญที่ผมจะบอกให้ท่านผู้ฟังได้ทราบในวันนี้เกี่ยวกับสาหร่ายเกลียวทองนะครับ น่าก็คือ ประโยชน์ของสาหร่ายเกลียวทองกับด้านความงามครับ ในสาหร่ายเกลียวทองมีสารสำคัญที่เกี่ยวกับความงามมีดังนี้ครับ
1.ไทโรซีน เป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างการชนิดหนึ่ง ทำให้เซลล์แก่ช้าลง นอกจากนี้ไทโรซีนเกี่ยวข้องกับการให้สี ที่ถูกต้องแก่เส้นผมและผิวหนัง รวมถึงการป้องกันผมและผิวหนังจากการถูกแดดเผา
2. แคลเซียม  มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพของกระดูกและฟัน แต่ก็ยังเกี่ยวข้องกับการส่งผ่านประสาทสัมผัสไปยังกล้ามเนื้อ ในน้ำหนักที่เท่ากันสาหร่ายเกลียวทองให้แคลเซียมได้มากเท่าๆ กับนม
3.ซีลีเนียมแต่ก่อนเชื่อกันว่าเป็นโลหะหนักที่เป็นพิษ แต่ในปัจจุบันเป็นที่ทราบกันว่าซีลีเนียมจำเป็นอย่างยิ่งต่อสุขภาพ เพราะช่วยป้องกันความแก่, กำจัดและป้องกันการ ก่อตัวของอนุมูลอิสระ
                4.กรดโฟลิก จำเป็นอย่างยิ่งต่อการสร้างสารสีแดงในเซลล์เม็ดเลือดแดง การขาดกรดโฟลิกทำให้เป็นโรคโลหิตจาง การให้สีผิวผิดปกติ และผมหงอกก่อนวัย
5.ไอโนซิโทล ช่วยบำรุงเส้นผม และลดอาการผม ร่วงได้
6.วิตามินบี2 ช่วยรักษาสุขภาพผิว และเล็บให้แข็งแรง
7. วิตามินซี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น ลดความหมองคล้ำ ช่วยสร้างคอลลาเจน และอิลาสติน ช่วยให้ผิวแข็งแรง ลดสารอนุมูลอิสระ ปกป้องผิวจากรังสี UV และซ่อมแซมผิวจากอันตรายจากแสงแดด ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ผิว ปรับสภาพผิวให้ขาวเนียนใส และกระชับตึง
8. วิตามินอี คืนผิวสุขภาพดี เนียนนุ่ม สดใส อ่อนวัยเสมอ วิตามินอีมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นต้นเหตุของผิวเสื่อมโทรมแก่ก่อนวัย นอกจากนี้วิตามินอียังช่วยรักษาสมดุลของน้ำและไขมันบนผิวหนัง และทำให้หลอด เลือด ฝอย แข็งแรง ส่งผลให้ผิวมีสุขภาพดี เนียนนุ่มชุ่มชื้น ดูสดใส อ่อนวัยเสมอ
9.เบต้าคาโรทีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสามารถชะลอความแก่ได้ นอกจากนี้เบต้าคาโรทีนใช้ในการผลิตวิตามินเอ ซึ่งวิตามินเอมีส่วนช่วยทำให้ผิวและผมแข็งแรง
10.คลอโรฟิลล์ ในบางครั้งจะถูกเรียกว่า "เลือดสีเขียว" เนื่องจากมีลักษณะคล้ายคลึงกับโมเลกุลของฮีโมโกลบินที่พบในเซลล์เม็ดเลือด แดงของมนุษย์  ในสาหร่ายเกลียวทองมีคลอโรฟิลล์สูง ซึ่งทำให้ลำไส้บีบรัดตัวได้ดี และช่วยให้ร่างกายสามารถขับของเสียที่ติดค้างอยู่ในลำไส้ได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากสาหร่ายเกลียวทอง มีความเข้มข้นของสารอาหารในกระแสเลือดค่อนข้างสูง ร่างกายจึงดุดซับน้ำจากส่วนต่างๆ ของร่างกายมากขึ้น เพื่อสร้างสมดุลในกระแสเลือด ดังนั้น จึงควรดื่มน้ำในปริมาณมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อป้องกันการท้องผูก ขับสารพิษ (DETOX) เมื่อเราขับถ่ายดีจะทำให้ผิวพรรณดี และไม่เกิดสิว นอกจากนั้นคลอโรฟิลล์ยังช่วยกำจัดกลิ่นตัวได้อีกด้วยนะครับ
จะเห็นได้ว่าคุณประโยชน์อัดแน่นน่าจะได้รับฉายา สาหร่ายเพื่อความงามตัวจริง อีกสักฉายานะครับ ในปัจจุบันสาหร่ายเกลียวทองส่วนมากจะผลิตออกมาในรูปผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ส่วนครีมบำรุงผิวก็มีอยุ่บ้างแต่ยังน้อยครับ รับประทานสาหร่ายเกลียวทองตัวเดียวสวยครบจากภายในกันเลยทีเดียวครับ แต่ข้อเสียของมันคือราคายังสูงครับ เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนกว่าจะออกมาเป็นแคปซูลในเราได้รับประทานกัน อย่างไรก็ตามการรับประทานอาหารเสริมเป็นแค่เพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น การออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหารครบห้าหมู่ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียดผมว่าเท่านี้ก็จะทำให้คุณ หล่อ สวย จากภายในสู่ภายนอกได้ไม่ยากเลยนะครับ
อ้างอิง
http://www.gd-1.com/index.html
http://pha.narak.com/topic.php?No=26568
http://www.dhammachak.net/board/viewtopic.php?t=391
http://www.hlifespirulina.com/spirulina.htm
http://www.pendulumthai.com/smf/index.php?topic=2712.0
http://www.healthexpress.biz/supplement/Wellgate-Maxxlife-Spirulina-GD-1.html
http://healthfood.igetweb.com/article/art_26618.jpg

วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558

มะละกอมาใช้ในด้านความสวยงามได้อย่างไร



มะละกอมาใช้ในด้านความสวยงามได้อย่างไร


ก่อนอื่นมารู้จักพืชสมุนไพรชนิดนี้กันก่อนนะครับ มะละกอ  มีชื่ออื่นได้แก่ มะก๊วยเทศ (เหนือ) มะกล้วยเต็ด (พายัพ) มะหุ่ง (ล้านช้าง) บักหุ่งหรือหมักหุ่ง (เลย นครพนม) สะกุยเส (แม่ฮ่องสอน) กล้วยลา (ยะลา) แตงต้น (สตูล) มะเต๊ะ (ปัตตานี) ลอกอ (ภาคใต้และมลายู) ภาษาฮินดูเรียก Papeeta มีชื่อภาษาอังกฤษว่า ปาปาย่า (Papaya) เมลอนทรี(Melon tree) ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Carica papaya อยู่ในวงศ์ Caricaceae มะละกอเป็นไม้ผลล้มลุก ต้นสูงประมาณ 5-10 เมตร มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกากลาง เข้ามาในหมู่เกาะฟิลิปปินส์และเอเชียราวปลายศตวรรษที่ 10
"มะละกอ" มีคุณค่าทางโภชนาการคือ ในมะละกอดิบประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 ไนอาซิน วิตามินซีสูง วิตามินอี นอกจากนั้นยังมียางมะละกอ (Latex) เช่น ปาเปน (papain) ไคโมปาเปนเอและบี (chymopapain A and B) เปปติเดสเอ (peptidase A) และโปรตีนเนส(protinase) ผลดิบ มี papain rennin และ carpain ราก มี glycoside carposide และ myrosin ใบ มี carpain
มาถึงเรื่องหลักของเราในวันนี้กันนะครับ ผมจะมาให้ความรู้เกี่ยวกับมะละกอว่ามันเกี่ยวกับการเสริมความงามผิวพรรณได้อย่างไร เอ็นไซม์ปาเปนที่พบในมะละกอ ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอย่างแพร่หลาย ทั้งด้านเภสัชกรรม เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์สปา เอนไซม์ปาเปนถูกใช้ในเครื่องสำอางได้เนื่องจากเอนไซม์ปาเปนสามารถย่อยสลายคอลลาเจนได้ ช่วยเร่งการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว ช่วยให้เซลล์ผิว ที่ตายแล้วหลุดออกไป รวมถึงเป็นตัวนำอาหารสู่เซลล์ผิว และช่วยกำจัดพิษ และของเสียออกทางรูขุมขนอีกด้วย ทำให้เราสามารถใช้เอ็นไซม์ปาเปนนี้ทดแทนสารสังเคราะห์ แอลฟาไฮดรอกซีแอซิด (alphahydroxy acids; AHA) ซึ่งเป็นกรดสังเคราะห์ที่ช่วยทำให้ผิวหน้าใส และมีราคาแพงได้ครับ
นอกจากนี้ในมะละกอยังอุดมไปด้วยวิตามินซึ่งยังช่วยบำรุงรักษาปรับสภาพผิวของคุณให้มีความสดใส เปล่งปลั่ง และดูอ่อนเยาว์กว่าวัย นักวิจัยยังค้นพบว่าในมะละกอนั้นมีสาร Betacarotine เป็นจำนวนมาก และยังช่วยสร้าง Collagen (โปรตีนประเภทหนึ่งเป็นส่วนประกอบของผิวหนัง กระดูกเนื้อเยื่อ และฟัน) และ Elastin (โปรตีนของเนื้อเยื่อในร่างกายที่ยืดหยุ่นได้ เช่น เอ็น กระดูกอ่อน) ให้กับร่างกาย ยังไม่พอมะละกอยังสร้างภูมิคุ้มกันรังสีอุลตร้าไวโอเลตได้อีกด้วย จะเห็นได้ว่ามะละกอตัวเดียวจะทำให้ผิวหน้าเราขาวใส ครบสูตร แถมยังกันแดดได้อีก ดังนั้น มะละกอจึงเป็นผลไม้ยอดฮิตในแวดวงธุรกิจความงาม ที่จะถูกนำไปใช้ในเครื่องสำอางเพื่อช่วยทำความสะอาดผิว
จะเห็นได้ว่ามะละกอ ที่หาได้ง่ายๆ แต่ประโยชน์มากมายขนาดนี้ ท่านผู้ฟังหลายๆท่านอาจจะอยากนำมะละกอมาใช้ดูแลผิวพรรณกันแล้ว ดังนั้นวันนี้ผมก็เลยมีสูตรมาส์กหน้าด้วยมะละกอมาฝากกันนะครับ ใช้มะละกอสุกปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นๆ สัก 2-3 ชิ้น บดขยี้ด้วยช้อนจนละเอียด แล้วให้ผสมโยเกิร์ตรสธรรมชาติปริมาณพอข้นให้เข้ากัน ทิ้งส่วนผสมไว้สัก 5 นาที นำมาพอกหน้าและคอ แขน มือ ทิ้งไว้ 10-15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด เสร็จแล้วทาครีมบำรุงทันที ผิวจะนุ่ม และใสขึ้นเรื่อยๆ ใช้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งจะช่วยให้ผิวหน้าเนียนนุ่มขึ้น ลบริ้วรอย และช่วยทำให้ผิวขาวใสได้นะครับ
มะละกอ ผลไม้ธรรมดาๆ แต่มากไปด้วยคุณค่า บรรพบุรุษคนไทยนี่ช่างฉลาดหลักแหลมจริงๆ ที่ปลูกมะละกอไว้กินกันแทบทุกบ้านเลย ประกอบอาหารได้ทั้งคาวหวาน แถมใช้บำรุงความงามได้ อีก คราวนี้หากเมื่อไหร่ที่คุณซื้อมะละกอมาสำหรับรับประทานในครอบครัวแล้ว ก็อย่าลืมซื้อเผื่อไว้สำหรับทำมาส์กหน้าด้วยนะครับ จะชวนคนที่คุณรักมาทำด้วยกันก็ได้ รับรองว่าต่อไปนี้คุณจะสวยทั้งจากภายในและภายนอกกันเลยทีเดียว ของดีของไทยยุคเศรษฐกิจพอเพียงครับ
 แต่อย่างไรก็ตาม การประทานหรือการบำรุงเลือกปฏิบัติให้เหมาะสม แต่ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ชนิดไหนก็มีประโยชน์เหมือนกันทั้งนั้น เพียงแต่ต้องรู้จักที่จะเลือกรับประทานในปริมาณ ที่พอเหมาะกับร่างกายและที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอด้วย คราวนี้ล่ะคุณก็จะสมบูรณ์ทั้งสุขภาพกายและจิตใจ แถมผิวพรรณยังเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้นอีกครับ

อ้างอิง
http://topicstock.pantip.com/woman/topicstock/2011/04/Q10405920/Q10405920.html
http://www.kangzenonline.com/index.php?mo=3&art=296349
http://learners.in.th/blog/beautytips/255299
http://www.doctor.or.th/node/6412
http://natres.psu.ac.th

http://www.bloggang.com/data/y/yhungying/picture/1367782678.jpg

วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558

น้ำมันปาล์มกับเครื่องสำอาง



น้ำมันปาล์มกับเครื่องสำอาง


                ก่อนอื่นเรามารู้จักกับต้นปาล์มน้ำมันกันก่อนนะครับ ปาล์มน้ำมัน ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Elaeis guineensis
วงศ์ :  Palmae  ชื่อสามัญ : Oil Palm  ชื่ออื่น : มะพร้าวลิง, มะพร้าวหัวลิง  (กลาง) หมากมัน (ปัตตานี)
ลักษณะ : ปาล์มน้ำมันจัดอยู่ในพืชตระกูลปาล์ม ( Palmae หรือ Recaceae ) ซึ่งมีอยู่ 3 ชนิดแต่ในที่นี้ของพูดถึงแค่ชนิดเดียวที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจครับ นั้นก็คือ Elaeis guineensis ( african oil palm ) หรือปาล์มน้ำมันนั่นเอง
ผลปาล์ม ประกอบด้วยเปลือกชั้นนอก เปลือกชั้นกลางหรือกาบ ซึ่งเป็นส่วนที่มีน้ำมันอยู่ และมีชั้นในสุดเป็นกะลา ถัดจากส่วนนี้ไปก็เป็นส่วนของเม็ดซึ่งประกอบด้วย เนื้อในเมล็ด ซึ่งมีน้ำมันอยู่เช่นกัน และส่วนของคัพภะ ผลและเมล็ดเป็นส่วนที่มีความสำคัญที่สุดเพราะเป็นส่วนที่จะให้น้ำมัน  สีของผล เปลี่ยนไปตามสภาพอาหารที่ได้รับ
น้ำมันปาล์มที่ได้จะประกอบด้วย น้ำมันที่เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวและส่วนที่เป็นน้ำมันที่เป็นกรดไขมันอิ่มตัว น้ำมันไม่อิ่มตัวไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร ส่วนที่เป็นกรดไขมันอิ่มตัวก็นำไปทำสบู่ ผงซักฟอก และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่น ๆ ส่วนน้ำมันเนื้อในของเมล็ดปาล์ม ประกอบด้วยน้ำมันชนิดอิ่มตัวสูงถึงร้อยละ 85 - 90 ทำให้ไม่เหมาะต่อการบริโภค จึงนำไปใช้ ในอุตสาหกรรมทำสบู่ เครื่องสำอาง ผงซักฟอก อุตสาหกรรม
จากตรงนี้ท่านผู้ฟังคงจะได้คำตอบแล้วนะครับว่า น้ำมันปาล์มนำมาทำเป็นเครื่องสำอางประเภทสบู่เป็นหลักนั่นเองครับ น้ำมันปาล์มนั้นได้รับความนิยมในการทำเครื่องสำอางอื่นๆน้อยๆจึงไม่ขอพูดในที่นี้นะครับ หลักในการทำสบู่จะมีส่วนผสมหลักอยู่ 4 อย่างครับ นั่นก็คือ น้ำมัน โซดาไฟ น้ำ และสารเติมแต่งอื่นๆครับ คุณสมบัติของสบู่เพื่อขจัดคราบเหงื่อไคล ทำความสะอาดผิวหนัง ซึ่งมีฤทธิ์กรดอ่อน ๆ คุณภาพ ของสบู่ขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำมัน (น้ำมันจากพืชหรือน้ำมันจากสัตว์) ขึ้นอยู่กับน้ำด่าง (น้ำด่าง ธรรมชาติ เช่น น้ำขี้เถ้า น้ำด่างสังเคราะห์ เช่น โซดาไฟล์ ) คุณภาพของฟองสบู่ และกลิ่น ขึ้นอยู่กับที่มาและส่วนผสมของน้ำมันและน้ำด่าง ส่วนสบู่ที่ได้จากน้ำมันปาล์มจะเป็นก้อนแข็ง มีฟองปานกลาง ค่าการชำระล้างสูง
ไหนๆก็พูดถึงเรื่องสบู่น้ำมันปาล์มกันแล้ววันนี้ผมก็เลยมีสูตรสบู่สมุนไพรแบบง่ายมาฝากท่านผู้ฟังกันนะครับ
1.สบู่สูตรสารสกัดมังคุด
ส่วนผสม 1. น้ำมันมะพร้าว 50 กรัม 2. น้ำมันปาล์ม 25 กรัม 3. น้ำมันทานตะวัน 20 กรัม 4. น้ำมันมะกอก 5 กรัม 5. โซเดียมไฮดรอกไซด์ 17 กรัม 6. สารสกัดมังคุด 5 กรัม 7. น้ำ 40 กรัม
วิธีทำ
1. เตรียมแม่พิมพ์แบบสบู่ตามขนาดและรูปร่างที่ต้องการ
2. ค่อย ๆ เทโซเดียมไฮดรอกไซด์ลงในน้ำ ผสมให้เข้ากัน ตั้งทิ้งไว้ให้ อุณหภูมิเหลือ 40 - 45 องศาเซลเซียส
3. เตรียมสารสกัดมังคุด
4. สมน้ำมันมะพร้าวกับน้ำมันปาล์ม น้ำมันทานตะวันและน้ำมันมะกอก รวมกันนำไปอุ่นให้อุณหภูมิ 40 - 50 องศาเซลเซียส
5. เทสารละลายด่างลงใน (ข้อ 4) คนให้เข้ากัน เติมกลิ่นตามต้องการ
6. เมื่อเริ่มเกิดเป็นสบู่ สังเกตจากเนื้อจะข้นเหมือนนมข้น เทลงพิมพ์
7. ตั้งทิ้งไว้ประมาณ 4 - 8 ชั่วโมง จนสบู่จับตัวเป็นก้อนแข็ง ลองใช้นิ้วมือกดดู แล้วจึงเอาออกจากพิมพ์ เช็คค่า pH ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 9.5 - 10 เก็บต่อไปอีกนาน 6 - 8 สัปดาห์ เช็คค่า pH ซ้ำอีกครั้ง ซึ่งควรจะอยู่ระหว่าง 8 - 9 จึงนำไปใช้
                สำหรับวันนี้ท่านผู้ฟังคงจะได้รับสาระดีๆเกี่ยวกับเรื่องน้ำมันปาล์มกับเครื่องสำอางนะครับ น้ำมันปาล์มนอกจากเป็นพืชเศรษฐกิจแล้วยังสามารถนำมาทำเป็นสบู่ได้อีกด้วย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่มีการปลูกพืชชนิดนี้กันมากขึ้นในปัจจุบัน

อ้างอิง
http://it.doa.go.th/palm/linkTechnical/oil%20palm%20processing.html
http://www.organicthailand.com/webboard_352697_1279_th?lang=en
http://www.kiriwonggroup.com/herb-made.html
http://www.taradhit.com
http://www.rspg.or.th/plants_data/use/oil-3.htm
http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_content_id=3131
http://www.cwpalmoil.com/wp-content/uploads/2014/01/p4.jpg