ส่วนประกอบเพื่อความงามในกวาวเครือขาว
ก่อนอื่นเรามารู้จักกับพืชสมุนไพรชนิดนี้กันก่อนนะครับ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Pueraria
candollei,Pueraria mirifica อยู่ในวงศ์ LEGUMINOSAE-PAPILIONOIDEAE ชื่ออื่น ๆ กวาวเครือ, กวาว, ทองเครือ, ทองกวาว,
กวาวหัว , ตามจอมทอง, จานเครือ, โพะตะกู, ตานเคือ, ตานเครือ
กวาวเครือมีด้วยกัน 4 ชนิด
กวาวเครือขาว กวาวเครือแดง กวาวเครือดำ กวาวเครือมอ
กวาวเครือที่กำลังเป็นที่สนใจคือ กวาวเครือขาว เป็นไม้เถามีใบประกอบ 3 ใบย่อยและ
มีหัวใต้ดินที่ให้ฤทธิ์แบบฮอร์โมนเพศหญิงที่ชื่อเอสโตรเจน
พืชสกุลนี้พบขึ้นกระจายทั่วไปตั้งแต่อินเดีย กลุ่มประเทศอินโดจีน มาเลเซีย โอเชีย
จีน และญี่ปุ่น มีทั้งสิ้น 17 สายพันธุ์ (species) มีรายงานที่พบในประเทศไทยอย่างน้อย
9 สายพันธุ์ เนื่องจากลักษณะที่จำแนกสายพันธุ์เป็นลักษณะของดอก ช่อดอก และฝัก
ซึ่งออกปีละครั้งเดียว
องค์ประกอบทางเคมีของหัวกวาวเครือขาวมีสารสำคัญ
2 กลุ่มใหญ่ๆ ที่น่าสนใจมากคือ
1. ไฟโตเอสโตรเจน (PHYTOESTROGEN)
เป็นสารเคมีจากพืชที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา เหมือนฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน
สารนี้สามารถพบได้ ในถั่วเหลืองด้วยและยิ่งได้รับความสนใจยิ่งขึ้น เนื่องจาก
น่าจะเป็นปัจจัยต่อการลดอุบัติการเกิดโรคมะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่ และต่อมลูกหมาก
รวมถึงอาการเนื่องจากวัยหมดประจำเดือน และโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งโรคดังกล่าว
พบน้อยกว่าในชาวเอเชีย เมื่อเทียบกับชาวยุโรป เพราะชาวเอเชียบริโภคอาหาร
ซึ่งผลิตจากถั่วเหลืองมากกว่าชาวยุโรปมาก
2. ไมโรเอสตรอล (MIROESTROL) มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาเหมือนฮอร์โมนเพศหญิง ชื่อเอสตราไดออล (ESTRADIOL)
แต่ไมโรเอสตรอล จะมีฤทธิ์แรงกว่า ESTRADIOL ถึง
0.25-1.3 เท่า
มีผู้รวบรวมงานวิจัยของกวาวเครือขาวระหว่างปี
2542-2541 สรุปได้ว่า ทั้งในรูปผงแห้งและ
สารสกัดหัวกวาวเครือขาวมีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิง
ซึ่งจากสรรพคุณนี้เองที่ทำให้กวาวเครือขาวมีสรรพคุณ เพิ่มขนาดของเต้านม
ผิวพรรณเปร่งปรั่ง และทำให้ร่างกายมีลักษณะเป็นเพศหญิง ซึ่งจริงๆแล้วตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2542
กวาวเครือขาวจัดเป็นตัวยาตัวหนึ่งในตำรับยาบำรุงร่างกาย สำหรับสรรพคุณในการบรรเทาอาการของสตรีวัยหมดประจำเดือน
และเป็นยาอายุวัฒนะสำหรับผู้สูงอายุใช้ได้ทั้งหญิงและชาย ไม่ควรใช้กับหนุ่ม
สาวที่ยังมีฮอร์โมนเพศหญิงหรือฮอร์โมน ESTRADIOL อยู่ครับ
เนื่องจากการมีระดับฮอร์โมนเพศหญิงมากเกินไปก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายมากกว่าผลดีนะครับ
จากการศึกษาทางพิษวิทยามีผลดังนี้
ในนกกระทาพบว่า ลดภูมิคุ้มกันทำให้เกิดฝีหนองขึ้นตามตัว กระดูกเปราะและหักง่าย ในหนูทดลองพบว่า
จำนวนเม็ดเลือดแดงลดลง เซลล์ตับเล็กลง ขนาดและน้ำหนักของต่อมหมวกไตเพิ่มขึ้น
และมีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์เมื่อให้ MIROESTROL ในคนขนาด 1 หรือ 5
มก.ต่อวัน พบอาการปวดศรีษะ คลื่นไส้อาเจียน
จากผลการศึกษาพิษกึ่งเรื้อรังของกวาวเครือขาว
โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จึงแนะนำว่า เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค
ขนาดใช้ของผงกวาวเครือขาวในคนไม่ควรเกิน 1-2 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน
หรือประมาณวันละ 50-100 มิลลิกรัม ซึ่งปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนดขนาดรับประทานของกวาวเครือขาวไม่เกิน
100 มิลลิกรัม/วัน
เพราะฉะนั้นการจะนำกวาวเครือขาวมาใช้ประโยชน์เป็นยา
ยังต้องการการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมทั้งในด้านเภสัชวิทยา การทดลองในคนและที่สำคัญคือ
การศึกษาทางด้านพิษวิทยา โดยเฉพาะพิษระยะยาวของทั้งสาร MIROESTROL, สารสกัดหยาบ และผงแห้งของกวาวเครือขาว
เพื่อความเชื่อมั่นในการนำกวาวเครือขาว
มาใช้ประโยชน์ในการป้องกันและรักษาโรคอย่างปลอดภัย
เนื้อหาวันนี้อาจจะดูเป็นวิชาการนะครับ
แต่ผมอยากให้ท่านผู้ฟังทราบไว้เนื่องจากการรับประทานอาหารเสริมจำพวกฮอร์โมนอย่างเช่นกวาวเครือขาวเข้าไปมากๆ
จะเกิดการรบกวนการสร้างฮอร์โมนในร่างกายของเรา ซึ่งทำให้ร่างกายของเราผิดปกติไปได้นะครับ
ทางที่ดีควรจะหลีกเลี่ยงไปใช้อาหารเสริมชนิดอื่นๆ
และหันมาออกกำลังกายกันมาขึ้นดีกว่านะครับ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง
และทรวดทรงที่กระชับขึ้น เพียงเท่านี้ท่านก็จะดูหล่อ สวย โดยไม่ต้องเพิ่งยาเลยครับ
อ้างอิง
http://www.elib-online.com/doctors/herb_fabaceae2.html
http://www.thaiclinic.com/question_kwaw.html
http://www.fordfocusclub.com/forum/index.php?topic=4321.0;wap2
http://www.herbdd.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=383213&Ntype=5
http://natres.psu.ac.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น