วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2559

ส่วนประกอบเพื่อความงามในกวาวเครือขาว



ส่วนประกอบเพื่อความงามในกวาวเครือขาว
                ก่อนอื่นเรามารู้จักกับพืชสมุนไพรชนิดนี้กันก่อนนะครับ ชื่อวิทยาศาสตร์  Pueraria candollei,Pueraria mirifica อยู่ในวงศ์ LEGUMINOSAE-PAPILIONOIDEAE  ชื่ออื่น ๆ กวาวเครือ, กวาว, ทองเครือ, ทองกวาว, กวาวหัว , ตามจอมทอง, จานเครือ, โพะตะกู, ตานเคือ, ตานเครือ
กวาวเครือมีด้วยกัน 4 ชนิด กวาวเครือขาว กวาวเครือแดง กวาวเครือดำ กวาวเครือมอ กวาวเครือที่กำลังเป็นที่สนใจคือ กวาวเครือขาว เป็นไม้เถามีใบประกอบ 3 ใบย่อยและ มีหัวใต้ดินที่ให้ฤทธิ์แบบฮอร์โมนเพศหญิงที่ชื่อเอสโตรเจน พืชสกุลนี้พบขึ้นกระจายทั่วไปตั้งแต่อินเดีย กลุ่มประเทศอินโดจีน มาเลเซีย โอเชีย จีน และญี่ปุ่น มีทั้งสิ้น 17 สายพันธุ์ (species) มีรายงานที่พบในประเทศไทยอย่างน้อย 9 สายพันธุ์ เนื่องจากลักษณะที่จำแนกสายพันธุ์เป็นลักษณะของดอก ช่อดอก และฝัก ซึ่งออกปีละครั้งเดียว
องค์ประกอบทางเคมีของหัวกวาวเครือขาวมีสารสำคัญ 2 กลุ่มใหญ่ๆ ที่น่าสนใจมากคือ
1. ไฟโตเอสโตรเจน (PHYTOESTROGEN)  เป็นสารเคมีจากพืชที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา เหมือนฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน สารนี้สามารถพบได้ ในถั่วเหลืองด้วยและยิ่งได้รับความสนใจยิ่งขึ้น เนื่องจาก น่าจะเป็นปัจจัยต่อการลดอุบัติการเกิดโรคมะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่ และต่อมลูกหมาก รวมถึงอาการเนื่องจากวัยหมดประจำเดือน และโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งโรคดังกล่าว พบน้อยกว่าในชาวเอเชีย เมื่อเทียบกับชาวยุโรป เพราะชาวเอเชียบริโภคอาหาร ซึ่งผลิตจากถั่วเหลืองมากกว่าชาวยุโรปมาก
2. ไมโรเอสตรอล (MIROESTROL) มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาเหมือนฮอร์โมนเพศหญิง ชื่อเอสตราไดออล (ESTRADIOL) แต่ไมโรเอสตรอล จะมีฤทธิ์แรงกว่า ESTRADIOL ถึง 0.25-1.3 เท่า 


มีผู้รวบรวมงานวิจัยของกวาวเครือขาวระหว่างปี 2542-2541 สรุปได้ว่า ทั้งในรูปผงแห้งและ สารสกัดหัวกวาวเครือขาวมีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งจากสรรพคุณนี้เองที่ทำให้กวาวเครือขาวมีสรรพคุณ เพิ่มขนาดของเต้านม ผิวพรรณเปร่งปรั่ง และทำให้ร่างกายมีลักษณะเป็นเพศหญิง ซึ่งจริงๆแล้วตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2542 กวาวเครือขาวจัดเป็นตัวยาตัวหนึ่งในตำรับยาบำรุงร่างกาย สำหรับสรรพคุณในการบรรเทาอาการของสตรีวัยหมดประจำเดือน และเป็นยาอายุวัฒนะสำหรับผู้สูงอายุใช้ได้ทั้งหญิงและชาย ไม่ควรใช้กับหนุ่ม สาวที่ยังมีฮอร์โมนเพศหญิงหรือฮอร์โมน ESTRADIOL อยู่ครับ เนื่องจากการมีระดับฮอร์โมนเพศหญิงมากเกินไปก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายมากกว่าผลดีนะครับ
จากการศึกษาทางพิษวิทยามีผลดังนี้ ในนกกระทาพบว่า ลดภูมิคุ้มกันทำให้เกิดฝีหนองขึ้นตามตัว กระดูกเปราะและหักง่าย ในหนูทดลองพบว่า จำนวนเม็ดเลือดแดงลดลง เซลล์ตับเล็กลง ขนาดและน้ำหนักของต่อมหมวกไตเพิ่มขึ้น และมีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์เมื่อให้ MIROESTROL ในคนขนาด 1 หรือ 5 มก.ต่อวัน พบอาการปวดศรีษะ คลื่นไส้อาเจียน
จากผลการศึกษาพิษกึ่งเรื้อรังของกวาวเครือขาว โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จึงแนะนำว่า เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ขนาดใช้ของผงกวาวเครือขาวในคนไม่ควรเกิน 1-2 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน หรือประมาณวันละ 50-100 มิลลิกรัม ซึ่งปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนดขนาดรับประทานของกวาวเครือขาวไม่เกิน 100 มิลลิกรัม/วัน
                เพราะฉะนั้นการจะนำกวาวเครือขาวมาใช้ประโยชน์เป็นยา ยังต้องการการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมทั้งในด้านเภสัชวิทยา การทดลองในคนและที่สำคัญคือ การศึกษาทางด้านพิษวิทยา โดยเฉพาะพิษระยะยาวของทั้งสาร MIROESTROL, สารสกัดหยาบ และผงแห้งของกวาวเครือขาว เพื่อความเชื่อมั่นในการนำกวาวเครือขาว มาใช้ประโยชน์ในการป้องกันและรักษาโรคอย่างปลอดภัย
                เนื้อหาวันนี้อาจจะดูเป็นวิชาการนะครับ แต่ผมอยากให้ท่านผู้ฟังทราบไว้เนื่องจากการรับประทานอาหารเสริมจำพวกฮอร์โมนอย่างเช่นกวาวเครือขาวเข้าไปมากๆ จะเกิดการรบกวนการสร้างฮอร์โมนในร่างกายของเรา ซึ่งทำให้ร่างกายของเราผิดปกติไปได้นะครับ ทางที่ดีควรจะหลีกเลี่ยงไปใช้อาหารเสริมชนิดอื่นๆ และหันมาออกกำลังกายกันมาขึ้นดีกว่านะครับ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง และทรวดทรงที่กระชับขึ้น เพียงเท่านี้ท่านก็จะดูหล่อ สวย โดยไม่ต้องเพิ่งยาเลยครับ

อ้างอิง
http://www.elib-online.com/doctors/herb_fabaceae2.html
http://www.thaiclinic.com/question_kwaw.html
http://www.fordfocusclub.com/forum/index.php?topic=4321.0;wap2
http://www.herbdd.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=383213&Ntype=5
http://natres.psu.ac.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น