วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ยาประสะกานพลู




                วันนี้ผมขอนำเสนอเรื่องยาประสะกานพลู  ซึ่งเป็นยาสามัญประจำบ้านแผนโบรานที่มีลักษณะเป็นผง  ประกอบไปด้วยด้วย เทียนดำ  เทียนขาว  โกฐสอ  โกฐกระดูก  กำมะถันเหลือง  การบูร  รากไคร้เครือ  เปลือกเพกา  เปลือกขี้อ้าย  ใบกระวาน  ลูกกระวาน  ลูกผักชี  แฝกหอม ว่านน้ำ  หัวกระชาย  เปราะหอม  รากแจง  กรุงเขมา  หนักสิ่งละ 4 ส่วน รากข้าวสาร  เนื้อไม้   ลูกจันทน์  ขมิ้นชัน  หนักสิ่งละ 8 ส่วน   ขิงแห้ง  ดีปลี  หนักสิ่งละ 3 ส่วน  ไพล  เจตมูลเพลิงแดง สะค้าน  ช้าพลู  หนักสิ่งละ 2 ส่วน  เปลือกซิก หนัก 10 ส่วน  พริกไทย หนัก 1 ส่วน   กานพลู หนัก 131 ส่วน  มีสรรพคุณแก้ปวดท้อง  จุกเสียด  แน่นเฟ้อจากอาหารไม่ย่อย  เนื่องจากธาตุไม่ปกติ ใช้ไพลเผาไฟฝนกับน้ำปูนใส  ถ้าหาน้ำกระสายไม่ได้  ให้ใช้น้ำสุกแทน  ใช้รับประทานทุก 3 ชั่วโมง  ผู้ใหญ่ ครั้งละ 1 ช้อนชา น้ำกระสาย 2-4 ช้อนโต๊ะ  มีข้อควรระวังในสตรีมีครรภ์ไม่ควรใช้ยานานเกิน 5 วัน และผู้ป่วยที่มีไข้สูงไม่ควรรับประทาน
                ดูจากส่วนประกอบแล้วท่านผู้ฟังคงจะพบว่ายาประสะกานพลูจะมีส่วนประกอบที่สำคัญคือ กานพลูที่มีมากถึง 131 ส่วน  ซึ่งกานพลูเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก  ส่วนที่ใช้เป็นยาของกานพลูที่นิยมกันมากคือดอกตูม  มีการใช้ทั้งส่วนที่เป็นดอกตูมแห้ง  กับส่วนที่เป็นน้ำมัน  ที่ได้จากการกลั่นดอกตูมนั้น   มีบันทึกการใช้ดอกตูมของกานพลูเป็นยามาตั้งแต่ 207 ปี ก่อนคริสต์ศักราช คือในสมัยราชวงศ์ฮั่น  จักรพรรดิจีนจะอมดอกกานพลูไว้ในปากเพื่อดับกลิ่นปาก  หมอจีนได้มีการนำกานพลูมาใช้เป็นยาอย่างยาวนาน  โดยใช้ในการเป็นยาช่วยย่อย  แก้ท้องเสีย  แก้ไส้เลื่อน  แก้กลากเกลื้อน ฮ่องกงฟุต  เช่นเดียวกับหมออายุรเวทของอินเดีย  ที่มีการใช้ดอกตูมของกานพลูมาอย่างยาวนานเช่นกัน  โดยใช้ในโรคระบบทางเดินหายใจ  และใช้ในการช่วยย่อย  ต่อมา กานพลูแพร่เข้าไปในยุโรป ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 4  ซึ่งขณะนั้นดอกกานพลูเป็นของมีค่าและหายากอย่างยิ่ง  ตอนนั้นกานพลูเป็นส่วนประกอบในยารักษาโรคเก๊าท์ของหมอชาวเยอรมัน  ความต้องการในดอกกานพลูและเครื่องเทศอื่นๆ ของเอเชียกระตุ้นให้เกิดยุคแห่งการสำรวจและค้นหาดินแดนนอกทวีปยุโรป   ในปี ค.ศ. 1512 มีชาวสเปนผู้หนึ่งนำกานพลูกลับมาหลังจากการสำรวจ  จึงเกิดการใช้กานพลูกันอย่างแพร่หลายในยุโรป ซึ่งการใช้ไม่ต่างจากในจีนและอินเดียนัก  คือมีการใช้กานพลูในการช่วยย่อย  แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ  แก้คลื่นไส้อาเจียน  แก้ท้องเสีย  ทั้งยังใช้ในการช่วยแก้ไอ  รักษาอาการเป็นหมัน  แก้หูด  แก้กลากเกลื้อน แก้แผล  แก้ปวดฟัน   ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 19 กานพลูแพร่เข้าไปในอเมริกา  มีการสั่งใช้ในหมู่หมอโฮมิโอพาธี  เพื่อช่วยย่อยอาหารและผสมลงไปในยารสขม  เพื่อช่วยกลบรส  กลุ่มหมอเหล่านี้ได้พัฒนาการกลั่นน้ำมันจากกานพลู  จนได้เป็นน้ำมันกานพลู  หรือที่เรียกกันว่า clove oil  ใช้ในการรักษาโรคเหงือกและใช้แก้ปวดฟัน  ต่อมาน้ำมันกานพลู  ก็เป็นที่แพร่หลายในหมู่หมอฟัน  มีการใช้น้ำมันกานพลูแก้ปวดฟัน  โดยใช้สำลีพันก้านชุบน้ำมันกานพลู  แล้วทาไปบนฟันและเหงือกรอบฟันที่มีอาการปวด  และนอกจากนี้น้ำมันกานพลูยังใช้ผสมในผลิตภัณฑ์ที่กับเหงือกและฟันสมัยใหม่หลายชนิด นอกจากช่วยบรรเทาอาการปวดโดยมีฤทธิ์เป็นยาชาแล้ว  น้ำมันกานพลูยังเป็นยาฆ่าเชื้อได้ดี
 
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วจะพบว่ากานพลูเป็นสมุนไพรที่ส่วนประกอบที่สามารถนำมาใช้เป็นยาได้  ไม่ว่าจะเป็นเปลือกต้นใช้แก้ปวดท้อง แก้ลม  ใบใช้แก้ปวดมวน  ดอกตูมใช้รับประทานขับลม ใช้แต่งกลิ่น ดอกกานพลูแห้งที่ยังไม่ได้สกัดเอาน้ำมันออก  และมีกลิ่นหอมจัด  มีน้ำมันหอมระเหยมาก  มีรสเผ็ด ช่วยขับลม  แก้อาการท้องอืด  ท้องเฟ้อ  ปวดท้อง  และแน่นจุกเสียด  แก้อุจจาระพิการ  แก้โรคเหน็บชา แก้หืด  แก้ไอ  แก้น้ำเหลืองเสีย  แก้เลือดเสีย  ขับน้ำคาวปลา  แก้ลม  แก้ธาตุพิการ  บำรุงธาตุ  ขับเสมหะ  แก้เสมหะเหนียว  ขับผายลม  ขับลมในลำไส้  แก้ท้องเสียในเด็ก  แก้ปากเหม็น  แก้เลือดออกตามไรฟัน  แก้รำมะนาด  ดับกลิ่นเหล้า  แก้ปวดฟัน  ผลใช้เป็นเครื่องเทศ  เป็นตัวช่วยให้มีกลิ่นหอม  และน้ำมันหอมระเหยกานพลู  ใช้เป็นยาชาเฉพาะที่  แก้ปวดฟัน  ฆ่าเชื้อทางทันตกรรม  และยังใช้เป็นยาระงับการชักกระตุก ทำให้ผิวหนังชาได้อีกด้วย
               
 http://viriyamai.com/upload/1390214089.png

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ยาตรีหอม




วันนี้ขอนำเสนอเรื่องยาตรีหอม  ซึ่งเป็นยาสมุนไพร  ที่เป็นยาสามัญประจำบ้าน  เพื่อใช้สำหรับเด็ก  ประกอบไปด้วย  เนื้อลูกสมอเทศ  เนื้อลูกสมอพิเภก  เนื้อลูกมะขามป้อม ลูกผักชีลา  หนักสิ่งละ 4 ส่วน  รากไคร้เครือ  โกฐสอ  ชะเอมเทศ  ลูกซัดคั่ว  หนักสิ่งละ 1 ส่วน  เนื้อลูกสมอไทย  โกฐน้ำเต้าใหญ่นึ่งสุก  หนักสิ่งละ 22 ส่วน  มีสรรพคุณในการแก้ท้องผูก  และระบายพิษไข้  ทำได้โดยนำมาบดเป็นผง ทำเป็นเม็ด หนักเม็ดละ 0.2 กรัม  ใช้รับประทานก่อนอาหารเช้า  เด็กอายุ 1-2 เดือน ครั้งละ 2-3 เม็ด  เด็กอายุ 3-5 เดือน ครั้งละ 4-5 เม็ด  เด็กอายุ 6-12 เดือน ครั้งละ 6-8 เม็ด

ผมจะอธิบายความรู้เกี่ยวกับส่วนประกอบหนึ่งของยาตรีหอมให้ท่านผู้ฟังได้รับทราบกันนะครับ  สมอไทยมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Terminalia chebula Retz.  จัดอยู่ในวงศ์ COMBRETACEAE  ลักษณะสมอไทยจะเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงประมาณ 10-12 เมตร  กิ่ง และใบอ่อนมีขนคล้ายกับสีของสนิม บริเวณลำต้นมีเปลือกขรุขระ  ใบเป็นใบเดี่ยว หนา กว้างประมาณ 8-15 ซ.ม. ยาวประมาณ 11-18 ซ.ม. มีสีเขียวเข้ม มีขนสีน้ำตาลอ่อนๆ ปกคลุม  ดอกจะออกเป็นช่อ มีกลิ่นหอม สีเหลืองห้อยลงดิน ยาวประมาณ 10-12 ซ.ม.  มีดอก 5 กลีบ เชื่อมติดกันจนเป็นรูปคล้ายถ้วย  ผลมีสีเขียวปนแดง คล้ายกับรูปแบบผลมะละกอ มีรสฝาด หนึ่งผลมีเมล็ดอยู่ 1 เมล็ด 
สมอไทยเป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเอเชียตอนใต้ของเรานี้เอง โดยเฉพาะในป่าเบญจพรรณ และป่าดิบแล้งจะพบเห็นขึ้นอยู่มาก สมอไทยนำมาผลมาบดให้ละเอียดใช้โรยแผลที่เรื้อรัง  ผลอ่อนสมอไทย ใช้เป็นยาระบายได้ดี  ผลแก่สมอไทย เป็นยาสมานแผล แก้จุกเสียด แก้เจ็บคอ ขับน้ำเหลืองที่เสียและเป็นยาเจริญอาหาร  เปลือกสมอไทยเป็นยาขับปัสสาวะ บำรุงหัวใจ ขับน้ำเหลืองนอกจากจะนำมาเป็นยาสมุนไพรแล้ว สมอไทยยังสามารถนำมาเป็นส่วนผสมในน้ำผลไม้รวมได้อีกด้วย โดยนำเอาเฉพาะส่วนที่เป็นเนื้อนำมาปั่นรวมกับผลไม้อื่น  แคลเซียมในสมอไทยช่วยในการบำรุงกระดูกและฟัน วิตามินเอช่วยในการบำรุงสายตา บำรุงผิวพรรณ   และวิตามินซีสร้างแรงยืดหยุ่นให้ผิวหน้า ป้องกันดรคลักปิดลักเปิด
ในสมัยพุทธกาล เวลาพระพุทธเจ้าประชวรหรือพระสงฆ์อาพาธก็มักเสวยหรือฉันผลสมอไทยเป็นยาหลัก จนได้รับยกย่องว่าเป็นพุทธโอสถ  ดังมีพระพุทธรูปปางทรงสมอปรากฏเป็นหลักฐาน ถ้าใครอ่านพระราชประวัติของพระเจ้าอโศกมหาราช ชาวพุทธก็จะทราบว่าตอนที่พระองค์ประชวรครั้งสุดท้าย ก็ทรงเสวยผลสมอไทยเหลือไว้ครึ่งลูก และทรงพระราชทานผลสมอไทยครึ่งลูกนั้นแด่พระสงฆ์เป็นทานครั้งสุดท้าย  ดังนั้น ลูกสมอไทยที่ใส่กระทงวางขายอยู่แถวข้างวัด ข้างถนนจึงไม่ใช่สมุนไพรธรรมดาๆ อย่างที่คิด  ถึงกับมีตำนานขานเล่าถึงกำเนิดของสมอไทยอันศักดิ์สิทธิ์ว่า  ครั้งหนึ่งพระอินทร์กำลังทรงเสวยน้ำอมฤต  บังเอิญน้ำอมฤตหยดหนึ่งหกลงมาบนพื้นโลก  กลายเป็นต้นสมอไทย  มีสรรพคุณแก้ได้สารพัดโรคและมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "โอสถทิพย์"  หรือ "ผู้ให้กำเนิดชีวิต"  สมอไทยก็มีความพิเศษเหนือสมุนไพรอื่นๆ สมตำนานเล่าขาน   คือเป็นสมุนไพรที่มีเกือบครบทุกรส  ได้แก่ รสเปรี้ยว ฝาด  หวาน  ขม  เผ็ด  แถมยังมีรสเค็มและรสเมาแทรกอีกต่างหาก ตามตำรายาไทยกล่าวว่า  รสของยาบ่งบอกสรรพคุณของยา  อย่างกรณีของสมอนี้  รสเปรี้ยว มีสรรพคุณกัดเสมหะ แก้ไอ แก้กระหายน้ำ ฟอกโลหิต แก้ประจำเดือนไม่ปกติ แก้โรคท้องผูก ชำระล้างเมือกมันในลำไส้   รสฝาด ช่วยสมานแผลในปาก ไปจนถึงแผลในกระเพาะลำไส้ แก้ท้องเสีย แก้บิด ซึ่งสรรพคุณของรสฝาดนั้นช่วยระงับการถ่าย (รู้ปิด) ตรงกันข้ามกับรสเปรี้ยวซึ่งช่วยให้ถ่าย (รู้เปิด) เมื่อลูกสมอไทยมีรสเปรี้ยวและรสฝาดผสานกัน จึงมีสรรพคุณเป็นทั้งยาระบายและยาระงับการถ่าย คือ รู้เปิด รู้ปิด ไปในตัว  รสหวาน บำรุงเนื้อ บำรุงกำลัง  รสขม แก้ไข้ บำรุงน้ำดี ถอนพิษผิดสำแดง ช่วยเจริญอาหาร   รสเผ็ด ขับลมในกระเพาะลำไส้ แก้ปวดท้องจุกเสียด ช่วยย่อยอาหาร   รสเค็ม ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง แก้ประดงน้ำเหลืองเสีย  รสเมา แก้พิษฝี พิษแมลงสัตว์กัดต่อย แก้พยาธิต่างๆ แก้ริดสีดวง ระงับประสาท ทำให้นอนหลับสบาย  เนื่องจากสมอไทยมีหลายรสนี่เอง เมื่อกินสมอไทยอย่างเดียวก็เท่ากับกินสมุนไพรหลายๆ อย่าง  กล่าวกันว่า ถ้าใครกินสมอไทยวันละ 1 ลูก เป็นประจำทุกวัน โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ จะไม่มากล้ำกรายเลย  โดยมีวิธีกินคือ เอาสมอไทย 1 ลูก แช่ในน้ำ 1 แก้ว เป็นเวลา 1 คืน ตื่นเช้ากินทั้งน้ำและเนื้อ เป็นยาบำรุงกำลัง โดยทั่วไปมักจะมีสรรพคุณบำรุงกำหนัดควบคู่กันไป แต่สมอไทยกลับตรงกันข้าม คือ แทนที่จะเพิ่มกลับลดกำหนัด ด้วยเหตุนี้เองกระมัง พระพุทธเจ้าจึงทรงเลือกสมอไทยเป็นยาสำหรับพระสงฆ์สาวกฉันบำรุงร่างกาย แก้อ่อนเพลีย โดยช่วยลดความกำหนัดไปในตัว 

อ้างอิง :
http://cf.lnwfile.com/_/cf/_raw/nt/0t/sm.jpg 



วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ยาเขียวหอม




คนไทยรู้จักใช้ยาเขียวหอมหรือบางท่านอาจจะรู้จักยาเขียวหอมในชื่อ ยาเขียวใหญ่ มาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งส่วนผสมของยาเขียวหอมเป็นสมุนไพรที่หาได้ในธรรมชาติซึ่งส่วนผสมของยาเขียวหอม มีดังนี้ ใบพิมเสน ใบผักกระโฉม ใบหมากผู้ ใบหมากเมีย ใบสันพร้าหอม รากแฝกหอม จันทร์เทศ ว่านกลีบแรด ว่านร่อนทอง เนระพูสี พิษนาศน์ รากไคร้เครือ ดอกพิกุล เกสรบุนนาค เกสรสารภี เกสรบัวหลวง หนักสิ่งละ 1 ส่วน ระย่อม หนัก ¼ ส่วน
- ใบพิมเสน ใช้ปรุงเป็นยาเย็น ถอนพิษร้อน แก้ไข้ทุกชนิด ทำให้ความร้อนในร่างกายลดลง โดยมากมักปรุงเป็นยาเขียว ถอนพิษไข้ และให้กลิ่นหอมเย็น
- ผักกะโฉม ใช้ปรุงรับประทานเป็นยากระทุ้งพิษ แก้ไข้พิษ ไข้กาฬ ไข้หัว แก้ไข้ทุกชนิด ต้นสดตำสุมขม่อมเด็ก แก้ไข้หวัด ปวดศีรษะ แก้ไอ ทาแก้ฟกบวมอักเสบทั่วไป
- หมากผู้หมากเมีย แก้ไข้พิษ เหือด หัด สุกใส ดำแดง
- รากแฝกหอม มีรสหอมเย็น ทำให้ชุ่มชื่น ใช้ปรุงเป็นยา ขับลมในลำไส้ ทำให้หาวเรอ แก้ปวดท้องจุกเสียด ท้องอืด แก้ไข้หัวลม และขับปัสสาวะ
- เกสรบัวหลวง ใช้แก้ไข้ และมีกลิ่นหอม
- ระย่อม-แก้ไข้ ขับพยาธิ ลดความดันโลหิต แต่ถ้าแพ้จะมีอาการซึมเศร้า คัดจมูก ที่อินเดียนำรากทำเป็นยาแก้บิด แก้ท้องเสีย ลดไข้ แก้พิษงู
- เนระพูสี เหง้า  ดับพิษไข้  รักษาโรคความดันเลือดต่ำ บำรุงกำลัง เจริญอาหาร ดับพิษไข้ โรคในปากคอ  แก้เม็ดผื่นคันตามร่างกาย
- พิษนาศน์ ลำต้นใช้ดับพิษกาฬที่ทำให้หมดสติ พูดไม่ออก แก้ไข้เซื่องซึม
- รากไคร้เครือ ใช้แก้พิษไข้
จะเห็นได้ว่าส่วนผสมต่างๆของยาเขียวหอมนี้จะมีถทธิ์ในการแก้ร้อนใน แก้ไข้เป็นหลัก และมีสมุนไพรให้กลิ่นหอม ความเย็นอยู่ด้วยครับ
การทำยาเขียวหอมก็ไม่ยากเลยครับ แค่นำส่วนผสมทั้งหมดมาบดให้เป็นผงก็จะได้ยาเขียวหอมมาแล้ว
ส่วนสรรพคุณของยาเขียวหอมนั้น ก็อย่างที่พวกเรารู้กันอยู่ก็คือ แก้ตัวร้อน ร้อนใน กระหายน้ำ โดยละลายยากับน้ำสุก หรือน้ำดอกมะลิ นอกจากนี้ยาเขียวหอมยังสามารถแก้พิษหัด พิษสุกใส โดยละลายยากับน้ำรากผักชีต้ม ทั้งรับประทานและชโลมที่ผิว
แต่การชโลมต้องใช้ผงยา 1 ต่อ น้ำ 3 ชโลมให้ทั่วตามตัวบริเวณที่ตุ่มใสยังไม่แตก จะทำให้แผลสุกใสยุบลงไปได้ครับ  

ข้อบ่งใช้ของยาเขียวหอม มีดังนี้ ขนาดรับประทาน รับประทานวันละ 4- 6 ครั้ง  เมื่อมีอาการ  ผู้ใหญ่ ครั้งละ 1 ช้อนชา   เด็ก ครั้งละ 1-2 ช้อนชา ละลายน้ำ 2-4 ช้อนโต๊ะ ขนาดบรรจุ 30 กรัม
ข้อควรระวัง
           - ห้ามใช้ในผู้ที่สงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก
           - กรณีแก้ตัวร้อน ร้อนในห้ามใช้ยาเป็นเวลานานเกิน  3  วัน
           - กรณีแก้พิษหัด พิษสุกใส ห้ามใช้ยาเป็นเวลานานเกิน  15  วัน
จะเห็นได้ว่ายาเขียวหอมนั้นเป็นยาสมุนไพรที่มีประโยชน์มาก ซึ่งคนยุคใหม่ควรจะนำยาสมุนไพรพื้นบ้านของบรรพบุรุษของเรามาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ดังนั้นทางคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้เล็งเห็นความสำคัญ ณ จุดนี้ จึงได้มีการพัฒนาและทำยาเขียวหอมให้มีคุณภาพและมาตรฐาน เพื่อจำหน่ายในอนาคตภายหน้า เพื่อส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้ยาสมุนไพรไทยกันมากขึ้น เพื่อเศรษฐกิจที่ดีประเทศไทยของเราครับ

อ้างอิง
http://herbal.pharmacy.psu.ac.th/index.php?option=com_content&task=view&id=51&Itemid=60
http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/5-6/no36/theme_18.html
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pimpagee&month=04-2008&date=04&group=1&gblog=25
http://www.oknation.net/blog/ION/2008/04/04/entry-1
http://webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_nih/a_nih_7_001c.asp?info_id=1043
http://www.waluka.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=18
http://ilwc.aru.ac.th/Contents/MedicineThai/MedicineThai59.htm
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=4751f506f17be020
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1285319766&catid=04
http://www.samunpri.com/wp-content/uploads/2014/09/%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A1.jpg

ยาเหลืองปิดสมุทร




สวัสดีครับ วันนี้ผมขอนำเสนอเรื่อง  ยาเหลืองปิดสมุทร  ซึ่งเป็นยาสมุนไพรแผนโบราณ  ที่เป็นยาสามัญประจำบ้าน  ประกอบไปด้วย  แห้วหมู  ขมิ้นอ้อย  เปลือกเพกา  รากกล้วยตีบ  กระเทียมคั่ว  ดีปลี  ชันย้อย  ครั่ง  สีเสียดเทศ  สีเสียดไทย  ใบเทียน  ใบทับทิม หนักสิ่งละ 1 ส่วน  ขมิ้นชัน หนัก 6 ส่วน  มีสรรพคุณแก้ท้องเสีย  ใช้น้ำเปลือกลูกทับทิม หรือเปลือกแคต้ม กับน้ำปูนใสเป็นกระสาย  ถ้าหาน้ำกระสายไม่ได้  ให้ใช้น้ำสุกแทน  และให้รับประทานร่วมกับน้ำละลายเกลือแกงด้วย  ใช้รับประทาน ทุก 3-5 ชั่วโมง ก่อนอาหาร เมื่อมีอาการ  โดยผู้ใหญ่ ครั้งละ 10 เม็ด ละลายน้ำ 2-4 ช้อนโต๊ะ  เด็ก 6-12 เดือน ครั้งละ 3-4 เม็ด ละลายน้ำ 1-2 ช้อนโต๊ะ  เด็ก 1-12 ปี ครั้งละ 5-7 เม็ด ละลายน้ำ 1-2 ช้อนโต๊ะ  ยาตัวนี้มีข้อควรระวังคือ ห้ามใช้ยาเกิน 1 วัน
ท้องเสีย  เป็นอาการที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะในเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี  และมีสาเหตุได้หลายประการ  ส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรงและมักจะหายได้เอง  มีส่วนน้อยที่อาจมีอาการรุนแรง  ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่  ซึ่งเป็นอันตรายถึงตายได้  โดยเฉพาะในเด็กเล็กและคนชรา  แบ่งออกได้เป็น  2 ชนิด  คือ  ท้องเสียชนิดเฉียบพลัน  และท้องเสียชนิดเรื้อรัง  ท้องเสียชนิดเฉียบพลัน  เป็นอาการท้องเสียที่พบในคนส่วนใหญ่  เกิดขึ้นเร็วแต่เป็นอยู่ไม่นาน  ส่วนท้องเสียชนิดเรื้อรัง  ผู้ป่วยจะถ่ายนานเกิน 7 วัน หรือเป็นๆ หายๆ บ่อย  คนที่ท้องเสียจะมีอาการถ่ายอุจจาระเหลวกว่าปกติมากกว่า 3 ครั้งใน 1 วัน  หรือถ่ายมีมูก หรือมีมูกปนเลือดเพียงครั้งเดียว  หรือถ่ายเป็นน้ำจำนวนมาก 1 ครั้งใน 24 ชั่วโมง   ส่วนการถ่ายบ่อยครั้งแต่ลักษณะอุจจาระปกติ หรือในทารกที่กินนมแม่  อาจถ่ายอุจจาระนิ่มเหลวบ่อยครั้งได้ เราไม่ถือว่าเป็นอาการท้องเสีย  แต่ถ้าถ่ายเป็นน้ำจำนวนมากและบ่อยครั้งกว่าที่เคยเป็นก็ถือว่าผิดปกติ  อาการนำของการเกิดอาการท้องเสีย  คือ  ลำไส้จะมีการเคลื่อนไหว หรือบีบตัวอย่างมาก  ท้องอืด  ท้องเฟ้อ ปวดท้อง ถ่ายง่าย และอ่อนเพลียเมื่อมีการถ่ายบ่อยครั้งขึ้น 
ส่วนประกอบที่สำคัญของยาเหลืองปิดสมุทรตัวนี้  คือ  ทับทิม ซึ่งมีส่วนที่ใช้เป็นยาคือ  เปลือกของผลที่โตเต็มที่  มีรสฝาด  ใช้เปลือกผลแห้ง 1 ส่วน 5 หรือ 1 ส่วน 4 ของผล ฝนกับน้ำปูนใสให้ข้นๆใช้รับประทานครั้งละ 10-20 มิลลิลิตร วันละ 1-2 ครั้ง  หรือใช้เปลือกของผลต้มกับน้ำปูนใสดื่มแต่น้ำ การรับประทานเช่นเดียวกับที่ใช้ฝนกับน้ำปูนใสใช้บรรเทาอาการท้องเสีย  การที่เปลือกของผลทับทิมช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้เพราะว่ามีสารแทนนิน  ซึ่งเป็นสารฝาดาสมาน  นอกจากนี้ยังใช้รักษาน้ำกัดเท้า โดยใช้เปลือกผลทับทิมฝนกับน้ำสะอาดให้ข้นๆ ใช้ทาบริเวณที่น้ำกัดเท้า วันละ 4-5 ครั้งจนกว่าจะหาย

ส่วนประกอบอีกตัวหนึ่งของยาเหลืองปิดสมุทร  คือ ขมิ้นชัน  ซึ่งมีถึง 6 ส่วน  ส่วนที่ใช้ทำเป็นยาคือ เหง้าสดและแห้ง  มีสรรพคุณในการช่วยย่อยอาหาร  ทำความสะอาดลำไส้  กำจัดเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหารที่กินเข้าไปแล้วสะสมในร่างกายเพื่อก่อตัวเป็นมะเร็ง  อีกทั้งยังสามารถช่วยขับน้ำนมสำหรับสตรีหลังคลอดบุตรได้ดี รองลงมาจากกินหัวปลี  เหง้าของขมิ้นชันมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ แบคทีเรีย เชื้อรา ลดการ อักเสบ และ มีฤทธิ์ในการ ขับน้ำดี   น้ำมันหอมระเหย ในขมิ้นชันยังมีสรรพคุณบรรเทา อาการปวดท้อง ท้องอืด แน่นจุดเสียด  การใช้ขมิ้นชัน แก้แพ้แก้อักเสบ แผล ฝีพุพอง แมลงสัตว์กัดต่อยภายนอก โดยใช้เหง้ายาวประมาณ 2 นิ้ว ฝนกับน้ำต้มสุกทาบริเวณที่เป็น วันละ 3 ครั้ง หรือใช้ผงขมิ้นโรยทาบริเวณที่มีอาการผื่นคันจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้ อาการ ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียดและอาหารไม่ย่อย ใช้เหง้าขมิ้น ไม่ต้องปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ตากแดดจัด ๆ สัก 1-2 วัน บดให้ละเอียด ผสมกับน้ำผึ้ง  ปั้นเป็นเม็ดขนาดปลายนิ้วก้อย รับประทานครั้งละ 2-3 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน  ถ้ามีอาการท้องเสียให้หยุดยาทันที
เพียงแค่มีขมิ้นชัน และใบทับทิม  ก็เพียงพอแล้วในการรักษาอาการท้องเสียได้  เพราะฉะนั้นแล้วยาเหลืองปิดสมุทรตัวนี้  จึงมีประโยชน์เป็นอย่างยิ่งต่อผู้ที่กำลังท้องเสีย  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วก็ไม่ควรใช้ยาเป็นเวลานาน 

 http://www.alternativecomplete.com/herbal1.php                                                                     
http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000004247901.JPEG