วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ผลิตภัณฑ์ทางธรรมชาติเพื่อความงาม



ผลิตภัณฑ์ทางธรรมชาติเพื่อความงาม
มาเริ่มกันเลยนะครับ ความสวยความงาม นับเป็นเรื่องที่มนุษย์เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอิทธิพลต่อจิตใจของผู้คน หรือเรียกว่าเป็นจิตวิทยาของโลกเลยทีเดียว การได้เห็นของสวยๆ งามๆ ย่อมทำให้จิตใจชุ่มชื่น แต่อย่างไรก็ตาม การดูแลร่างกายให้มีสุขภาพสมบูรณ์ด้วยทางอาหารที่ครบถ้วน ก็จะทำให้ผิวพรรณสดใสงดงามได้  แต่ในปัจจุบันนี้สังคมได้พัฒนาไปมากด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง ได้มีการสกัดสารสำคัญจากธรรมชาติ เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโลชั่นบำรุงผิวพรรณ หรือเครื่องประทินความงามอื่นๆ มาวางตลาดให้ได้เลือกสวยตามใจชอบ แต่ใครจะรู้บ้างล่ะว่า พืช ผัก สมุนไพรพื้นๆ ของบ้านเราหลายต่อหลายชนิดเลยทีเดียวที่มีสรรพคุณช่วยในการประทินโฉมมากขนาดไหน
วันนี้ผมจะมาแนะนำสารสำคัญที่สกัดจากผลิตภัณฑ์ทางธรรมชาติที่เราพบเห็นว่าเป็นส่วนประกอบในครีม หรือผลิตภัณฑ์เพื่อความงามกันอยู่บ่อยๆมาแนะนำให้ท่านผู้ฟังได้เห็นประโยชน์ของมันกันนะครับ ตัวแรกที่ใช้กันบ่อยทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทย คือ ว่านหางจระเข้ (aloe vera) มีคุณสมบัติที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นต่อผิวหนัง ทำให้ผิวหนังอุ้มน้ำและดูดซึมน้ำได้ดี ลดการอักเสบ และยังช่วยลดแรงเสียดทานผิว ทำให้รู้สึกสบายผิว ผิวเนียน ลื่นไม่เหนอะหนะ ถ้าจะใช้สดต้องเอาส่วนสีเขียวที่เป็นยางออกก่อน ไม่เช่นนั้นจะเกิดการระคายเคืองได้
คาโมไมล์ (chamomile) เป็นยอดของต้น Anthemis nobilis เมื่อสกัดจะได้น้ำมันหอมระเหย มีคุณสมบัติช่วยระงับอาการอักเสบของเนื้อเยื่อได้ นิยมใส่ในครีมต่างๆ เพื่อลดการอักเสบระคายเคือง
น้ำมันพืชชนิดต่างๆ เช่น น้ำมันจากข้าวสาลี (wheat germ oil) มีส่วนประกอบของวิตามินอี วิตามินเอ วิตามินดี บางตัวมีวิตามินเอฟ เลซิติน และสารออกฤทธิ์คล้ายเอสโตเจน นิยมใช้ในครีมลดรอยย่น และครีมบำรุงที่หล่อลื่นผิว น้ำมันอะโวคาโด (avocado) มีส่วนประกอบของวิตามินหลายชนิดและกรดไลโนเลอิก (กรดไขมันที่จำเป็น) และฮอร์โมนจากพืช ช่วยทำให้การกระจายตัวของน้ำมันบนผิวหนังดีขึ้นและดูดซึมได้ดี นิยมใช้เป็นส่วนผสมของครีมชะลอความแก่ น้ำมันเมล็ดฝ้าย เป็นแหล่งของวิตามินอีจากธรรมชาติที่สำคัญ ตัววิตามินอีมีส่วนในการรักษาผิวหนังโดยเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สารให้ความชุ่มชื้น

สารธรรมชาติที่ได้จากผลไม้หลายชนิด เช่น ส้ม องุ่น อ้อย มะขาม มีส่วนผสมของกรดชนิดหนึ่ง เรียกรวมว่ากรดผลไม้ หรือกรดอัลฟาไฮดรอกซี(AHA) มีฤทธิ์เร่งให้เซลล์ผิวหนังชั้นนอกสุดหลุดลอกออกไปเร็วขึ้นเพื่อให้เซลล์ ชั้นล่างขึ้นมาแทนที่ไวขึ้น ทำให้ผิวแลดูขาวขึ้น เนียนขึ้น ลดริ้วรอย คงความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใส่ และสูตรของเครื่องสำอางด้วย
สารธรรมชาติที่นำมาใช้ในการทำให้ผิวขาว เช่น สารสกัดจากชะเอม (licorice) ต้นแบเบอร์รี่ (bearberry) ต้นมัลเบอร์รี่ (mulberry) มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ในการสร้างเม็ดสี ทำให้ลดการสร้างเม็ดสีได้อย่างช้าๆ ประสิทธิภาพขึ้นกับความเข้มข้นของสารที่ใช้
สารธรรมชาติที่ได้จากสัตว์ ก็มีการนำมาใช้เพื่อความสวยงามด้วย เช่น นมผึ้ง (royal jelly) ประกอบด้วยวิตามินหลายชนิด โดยเฉพาะกลุ่มวิตามินบี กรดแพนโทเทนิก และฮอร์โมนเพศจากผึ้ง เชื่อว่าช่วยให้ผิวหนังเต่งตึงขึ้นและเพิ่มการหมุนเวียนของเลือด คอลลาเจน (collagen) และอีลาสติน (elastin) เป็นโปรตีนที่อยู่ในโครงสร้างของผิวหนัง ทำให้มีความยืดหยุ่น เต่งตึง และทำหน้าที่อุ้มน้ำไว้ใต้ผิวหนัง เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น สารจากสัตว์อีกตัวที่ใช้บ่อยในเครื่องสำอาง คือ กรดไฮยาลูโรนิก (hyaluronic acid) มีทั้งได้จากการ สกัดจากสัตว์และสังเคราะห์ขึ้น มีลักษณะคล้ายฟองน้ำที่สามารถอุ้มน้ำไว้ในตัวได้ในปริมาณที่สูงกว่าพันเท่า ของน้ำหนักตัว จึงสามารถป้องกันและหล่อลื่นเซลล์ต่างๆ ของผิวหนังควบคุมน้ำในเซลล์และเก็บน้ำไว้ในผิวหนังเสมือนเป็นตัวเคลือบ ทำให้ผิวมีความเต่งตึงและเรียบขึ้น
นอกจากนี้ ถ้าดูในท้องตลาดจะเห็นว่ามีสารจากธรรมชาติออกมา ไม่เว้นแต่ละเดือน ไม่ว่าจะเป็นสารจากพืชที่เดิมใช้กินเป็นอาหารเสริมเช่น ใบแปะก๊วย โสม หรือสารจากผลไม้ มะม่วง พีช กีวี สับปะรดมะละกอ ขิง ขมิ้น มังคุด เป็นต้น หรือจากสาหร่ายทะเล หรือจากน้ำแร่ธรรมดา หรือจากสัตว์ เช่น ไขปลาวาฬ กระดูกอ่อนปลาฉลาม นกอีมู เป็นต้น ซึ่งมีข้อเท็จจริงที่ต้องทราบเกี่ยวกับสารธรรมชาติในเครื่องสำอาง ก่อนที่จะเลือกซื้อมาใช้ คือ
1.สรรพคุณของสารธรรมชาติที่กล่าวมา ส่วนใหญ่เป็นการทดลองในห้องทดลองด้วยความเข้มข้นสูงกว่าที่บริษัทเครื่อง สำอางใช้จริง เพราะส่วนใหญ่ถ้าเป็นสารธรรมชาติจริงมักมีราคาสูง ไม่คงตัว เสื่อมสภาพและเสียง่าย มีสีสัน กลิ่นไม่น่าใช้ เพราะฉะนั้นจึงต้องใส่ปริมาณที่น้อย การใส่มีวัตถุประสงค์ในการโฆษณา (marketing claim) มากกว่าผลที่จะได้จากสารโดยตรง บางครั้งประสิทธิภาพจะไม่ได้ดังฤทธิ์ที่อ้างไว้
2.ขบวนการสกัดสารเพื่อนำมาใช้ในเครื่องสำอางต้องผ่านกระบวนการและสารเคมี หลายอย่าง ทำให้สารที่ออกฤทธิ์อาจจะเสื่อมไป เช่น ว่านหางจระเข้ ถ้าใช้สดพบว่าได้ผลดี แต่ถ้าผ่านกระบวนการสกัด สารหลายตัวในว่านจะถูกทำลายไป ทำให้ได้ผลน้อยลง
3.ความเชื่อที่ว่า สารที่มาจากธรรมชาติมักจะไม่แพ้ ไม่ก่อการระคายเคือง และมักจะดีกว่าสารสังเคราะห์ ข้อความนี้ไม่เป็นความจริงเสมอไปสารธรรมชาติหลายตัวทำให้เกิดการแพ้ ระคายเคืองได้ พอๆกับสารสังเคราะห์ เช่น กรดผลไม้ ถ้าจะออกฤทธิ์ดีต้องใช้ความเข้มข้นสูง ก็ย่อมก่อการระคายเคืองสูง หรือน้ำหอม น้ำมันระเหยหลายตัวมีสารที่ทำให้แพ้แสงได้
4.เครื่องสำอางจากธรรมชาติล้วนๆ ปราศจากสารเคมีนั้น จริงๆเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากการสกัดการทำให้คงตัวต้องใส่สารกันบูด ซึ่งย่อมมีสารเคมีผสมอยู่ด้วยเสมอ
ฉะนั้น ทางที่ดีอย่าซื้อเครื่องสำอางเพราะความเป็นธรรมชาติ ควรซื้อด้วยประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ ใช้แล้วเหมาะสมกับผิวเรา ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ไม่แพ้ ใช้แล้วผิวดีขึ้น มีการทดสอบทางคลินิกถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพแล้ว
คงจะได้เห็นภาพรวมความเป็นจริงของผลิตภัณฑ์เพื่อความงามที่มีในท้องตลาดกันแล้วนะครับ หวังว่าคงจะนำสาระความรู้ที่ผมให้ในวันนี้ไปประยุกต์ใช้ในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามอย่างคุ้มค่าและเหมาะสมกับตัวท่านที่สุดได้อย่างไม่ยากเลยนะครับ

อ้างอิง
http://www.backlink.in.th/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2otop/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%A1--%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A0%E0%B8%B1/
http://www.sininrice.com/
http://www.doctor.or.th/node/3059

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น