วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2559

ยาถ่ายและยาระบาย




วันนี้กระผมขอนำเสนอเรื่อง  ยาถ่าย  ซึ่งเป็นยาที่ทุกท่านเองก็รู้จัก  เอาไว้แก้อาการท้องผูกนั่นเอง  ท้องผูกเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับคนทั่วไป เป็นภาวะที่มีการถ่ายอุจจาระน้อยครั้ง และแต่ละครั้งเต็มไปด้วยความยากลำบาก อาการท้องผูกนั้นเกิดได้เนื่องจากหลาย ๆ สาเหตุเช่น การกินอาหารที่มีกากน้อย ภาวะการขาดน้ำของร่างกาย หรือมีความกดดันทางด้านจิตใจ เมื่อมีอาการท้องผูกในขั้นแรกยังไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องใช้ระบาย ควรแก้ไขด้วยวิธีอื่นเสียก่อนเช่น เปลี่ยนแปลงลักษณะอาหารที่กินเข้าไป โดยกินอาหารหรือผลไม้ที่มีกากมาก ๆ เช่น มะละกอสุก หลีกเลี่ยงอาหาร ผลไม้ และเครื่องดื่มบางชนิดที่จะทำให้ท้องผูกยิ่งขึ้น เช่นฝรั่ง น้ำชา ในกรณีที่ปฏิบัติตามแล้วอาการก็ยังไม่ดีขึ้น ถึงจะหันมาใช้ยาระบาย ซึ่งจะต้องใช้เฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานเพราะถ้าใช้นานเวลาหยุดยาจะมีอาการท้องผูก นอกจากนี้อาจทำให้ลำไส้อักเสบได้

                ยาถ่ายและยาระบายที่ใช้กันอยู่ทั่วไปนั้น แบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่ม คือ  กลุ่มแรก  คือกลุ่มที่ทำให้อุจจาระเป็นก้อน  ยาระบายชนิดนี้ เป็นยาระบายที่ปลอดภัยและราคาถูก เป็นสารประกอบที่ได้จากพืช หรือสังเคราะห์จากสารเคมี เช่น รำข้าว เมธิลเซลูโล(Methylcellulose) และเม็ดแมงลัก  สารพวกนี้เมื่อกินเข้าไปพร้อมกับดื่มน้ำมากๆ จะพองตัวขึ้น  ทำให้เพิ่มปริมาณของกากอาหาร  และทำให้อุจจาระนุ่ม  สะดวกแก่การถ่าย  ยากลุ่มนี้ไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด  ออกฤทธิ์ภายใจ 12-24 ชั่วโมง  ยากลุ่มนี้มีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถกินอาหารที่มีกากมากและผู้สูงอายุ แต่ต้องดื่มน้ำตามเข้าไปมาก ๆ มิฉะนั้นอาจเกิดลำไส้อุดตันได้  เช่น  สารจำพวกเมทิลเซลลูโลส  และพวกซีลเลียม (Psyllium)    กลุ่มที่สอง  คือกลุ่มที่เพิ่มการซึมผ่านของของเหลว  ยากลุ่มนี้เป็น เกลือของแมกนีเซียม โซเดียม และโปตัสเซียม  เป็นเกลือที่ละลายน้ำได้ดี ถูกดูดซึมค่อนข้างน้อย จากทางเดินอาหาร  มีผลทำให้ลำไส้มีน้ำมากขึ้น  เกิดการเคลื่อนไหวของลำไส้ได้  ยากลุ่มนี้มักใช้เป็นยาที่ให้ก่อนหรือหลังการใช้ยาถ่ายพยาธิ  หรือใช้เป็นยาระบายหลังจากทำให้อาเจียน หรือล้างท้อง  เพื่อขจัดพิษของยาหรือสารบางอย่าง  แต่ห้ามใช้ในการขจัดพิษจากการกินกรดหรือด่างเข้าไป  และห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคไต โรคหัวใจ  เนื่องจากปริมาณของแมกนีเซียมที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายจะสะสมในร่างกายได้ถ้าไตเสื่อมประสิทธิภาพ   นอกจากนี้อาจทำให้การเต้นของหัวใจผิดปกติไปด้วย  เช่น  แมกนีเซียมซัลเฟต  แมกนีเซียมซิเตรท  และแมกนีเซียมคาร์บอเนต    กลุ่มที่สาม  คือ กลุ่มที่กระตุ้นการถ่ายอุจจาระ
ยาในกลุ่มนี้ ทำให้มีการถ่ายอุจจาระโดยกระตุ้นลำไส้ใหญ่โดยตรง ให้มีการเคลื่อนไหวมากขึ้น และขัดขวางการดูดซึมน้ำและเกลือแร่จากลำไส้เข้าเซลล์บุลำไส้  ยาในกลุ่มนี้จะทำให้ไม่มีอุจจาระค้างอยู่  ต้องใช้เวลา1 - 3  วัน จึงจะถ่ายได้เป็นปกติ  ทำให้มักเข้าใจผิดว่าต้องกินยาถ่ายอีก  กลับกลายเป็นว่าต้องใช้ยานี้เป็นประจำ  ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ และไม่ควรใช้ยานี้เกินกว่าอาทิตย์ละ 1 ครั้ง  ยากลุ่มนี้เช่น ไดเฟนิลมีเธน (Diphenylmethane) และ บิซาโคดีล (Bisacodyl)    กลุ่มสุดท้าย  คือ กลุ่มที่ทำให้อุจจาระนุ่ม  ยากลุ่มนี้ทำให้อุจจาระเหลวขึ้น  โดยสะสมน้ำไว้ในลำไส้  ทำให้สะดวกต่อการถ่ายแต่ไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของลำไส้  ตัวอย่างของยากลุ่มนี้คือ  ไดอ๊อกทิล  โซเดียม  ซัลโฟซัคนิเนต (Dioctyl sodium sulfosuccinate)  และมินเนอรัลออย (Mineral oil)  ไดอ๊อกทิล  โซเดียม  ซัลโฟซัคนิเนต มีรสขม อาจให้พร้อมกับนมหรือน้ำผลไม้  ถ้าใช้ในขนาดสูง ๆ อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร  ขนาดของยาที่ใช้คือ ครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ ก่อนนอน ทั้งผู้ใหญ่และเด็กอายุตั้งแต่ 6 ขวบขึ้นไป  ตัวอย่างยากลุ่มนี้เช่น ด๊อกซิเนต (Doxinate)  และไดอาโลส (Dialose)
                อันนี้คือภาพรวมของยาถ่ายทั่วๆ ไปครับ  ต่อไปผมจะเสนอตัวอย่างยาถ่ายสมุนไพรให้ท่านผู้ฟังได้รับทราบกันครับ  ยาตัวนี้มีชื่อว่ายาถ่ายดีเกลือฝรั่ง  ซึ่งประกอบไปด้วย  ใบมะกา ใบมะขาม ใบส้มป่อย หญ้าไทร ใบไผ่ป่า ฝักคูณ รากขี้กาแดง รากขี้กาขาว รากตองแตก เถาวัลย์เปรียง หัวหอม ฝักส้มป่อย สมอไทย สมอดีงู หนักสิ่งละ 1 ส่วน  ขี้เหล็กทั้ง 5 หนัก 1 ส่วน  ยาดำ หนัก 4 ส่วน  ดีเกลือฝรั่ง หนัก 20 ส่วน  มีสรรพคุณในการแก้ท้องผูก  ใช้รับประทาน วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอนครั้งละ 2- 5 เม็ด ตามธาตุหนักเบา 
                ดีเกลือฝรั่ง มีสูตรทางเคมีว่า MgSO4.7H2O  ดีเกลือชนิดที่เป็นเกลือซัลเฟตของแมกนีเซียม หรือเรียกว่า "แมกนีเซียมซัลเฟต" เรียกเป็นภาษาสามัญแบบฝรั่งว่า Epsom salts มีลักษณะเป็นผลึกสีขาวหรือใส คล้ายผงชูรส ไม่มีกลิ่น ละลายน้ำได้ รสเค็ม มีคุณสมบัติเป็นยาระบายถ่ายอุจจาระ ถ่ายพิษเสมหะและโลหิต นิยมนำเอามาใช้ในการรักษาปลา และยังมีการนำไปใช้ในการเกษตรเรื่องเอาไปช่วยรักษาดินที่ขาดแมกนีเซียม นอกจากนี้สาวๆ ยังนิยมนำไปเป็นส่วนผสมในการรักษาสิวแบบประหยัดอีกด้วย 
                               

http://variety.teenee.com/foodforbrain/img9/25206.jpg 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น