วันนี้กระผมขอนำเสนอเรื่อง ยาถ่าย ซึ่งเป็นยาที่ทุกท่านเองก็รู้จัก
เอาไว้แก้อาการท้องผูกนั่นเอง
ท้องผูกเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับคนทั่วไป เป็นภาวะที่มีการถ่ายอุจจาระน้อยครั้ง
และแต่ละครั้งเต็มไปด้วยความยากลำบาก อาการท้องผูกนั้นเกิดได้เนื่องจากหลาย ๆ
สาเหตุเช่น การกินอาหารที่มีกากน้อย ภาวะการขาดน้ำของร่างกาย หรือมีความกดดันทางด้านจิตใจ
เมื่อมีอาการท้องผูกในขั้นแรกยังไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องใช้ระบาย ควรแก้ไขด้วยวิธีอื่นเสียก่อนเช่น
เปลี่ยนแปลงลักษณะอาหารที่กินเข้าไป โดยกินอาหารหรือผลไม้ที่มีกากมาก ๆ เช่น
มะละกอสุก หลีกเลี่ยงอาหาร ผลไม้ และเครื่องดื่มบางชนิดที่จะทำให้ท้องผูกยิ่งขึ้น
เช่นฝรั่ง น้ำชา ในกรณีที่ปฏิบัติตามแล้วอาการก็ยังไม่ดีขึ้น ถึงจะหันมาใช้ยาระบาย
ซึ่งจะต้องใช้เฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานเพราะถ้าใช้นานเวลาหยุดยาจะมีอาการท้องผูก
นอกจากนี้อาจทำให้ลำไส้อักเสบได้
ยาถ่ายและยาระบายที่ใช้กันอยู่ทั่วไปนั้น
แบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก คือกลุ่มที่ทำให้อุจจาระเป็นก้อน ยาระบายชนิดนี้ เป็นยาระบายที่ปลอดภัยและราคาถูก เป็นสารประกอบที่ได้จากพืช
หรือสังเคราะห์จากสารเคมี เช่น รำข้าว เมธิลเซลูโล(Methylcellulose) และเม็ดแมงลัก สารพวกนี้เมื่อกินเข้าไปพร้อมกับดื่มน้ำมากๆ จะพองตัวขึ้น ทำให้เพิ่มปริมาณของกากอาหาร และทำให้อุจจาระนุ่ม สะดวกแก่การถ่าย ยากลุ่มนี้ไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ออกฤทธิ์ภายใจ 12-24 ชั่วโมง ยากลุ่มนี้มีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถกินอาหารที่มีกากมากและผู้สูงอายุ
แต่ต้องดื่มน้ำตามเข้าไปมาก ๆ มิฉะนั้นอาจเกิดลำไส้อุดตันได้ เช่น สารจำพวกเมทิลเซลลูโลส และพวกซีลเลียม (Psyllium) กลุ่มที่สอง
คือกลุ่มที่เพิ่มการซึมผ่านของของเหลว ยากลุ่มนี้เป็น เกลือของแมกนีเซียม
โซเดียม และโปตัสเซียม
เป็นเกลือที่ละลายน้ำได้ดี ถูกดูดซึมค่อนข้างน้อย จากทางเดินอาหาร มีผลทำให้ลำไส้มีน้ำมากขึ้น เกิดการเคลื่อนไหวของลำไส้ได้ ยากลุ่มนี้มักใช้เป็นยาที่ให้ก่อนหรือหลังการใช้ยาถ่ายพยาธิ
หรือใช้เป็นยาระบายหลังจากทำให้อาเจียน
หรือล้างท้อง เพื่อขจัดพิษของยาหรือสารบางอย่าง แต่ห้ามใช้ในการขจัดพิษจากการกินกรดหรือด่างเข้าไป และห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคไต โรคหัวใจ เนื่องจากปริมาณของแมกนีเซียมที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายจะสะสมในร่างกายได้ถ้าไตเสื่อมประสิทธิภาพ
นอกจากนี้อาจทำให้การเต้นของหัวใจผิดปกติไปด้วย เช่น
แมกนีเซียมซัลเฟต
แมกนีเซียมซิเตรท
และแมกนีเซียมคาร์บอเนต กลุ่มที่สาม คือ
กลุ่มที่กระตุ้นการถ่ายอุจจาระ
ยาในกลุ่มนี้ ทำให้มีการถ่ายอุจจาระโดยกระตุ้นลำไส้ใหญ่โดยตรง ให้มีการเคลื่อนไหวมากขึ้น และขัดขวางการดูดซึมน้ำและเกลือแร่จากลำไส้เข้าเซลล์บุลำไส้ ยาในกลุ่มนี้จะทำให้ไม่มีอุจจาระค้างอยู่ ต้องใช้เวลา1 - 3 วัน จึงจะถ่ายได้เป็นปกติ ทำให้มักเข้าใจผิดว่าต้องกินยาถ่ายอีก กลับกลายเป็นว่าต้องใช้ยานี้เป็นประจำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ และไม่ควรใช้ยานี้เกินกว่าอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ยากลุ่มนี้เช่น ไดเฟนิลมีเธน (Diphenylmethane) และ บิซาโคดีล (Bisacodyl) กลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มที่ทำให้อุจจาระนุ่ม ยากลุ่มนี้ทำให้อุจจาระเหลวขึ้น โดยสะสมน้ำไว้ในลำไส้ ทำให้สะดวกต่อการถ่ายแต่ไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของลำไส้ ตัวอย่างของยากลุ่มนี้คือ ไดอ๊อกทิล โซเดียม ซัลโฟซัคนิเนต (Dioctyl sodium sulfosuccinate) และมินเนอรัลออย (Mineral oil) ไดอ๊อกทิล โซเดียม ซัลโฟซัคนิเนต มีรสขม อาจให้พร้อมกับนมหรือน้ำผลไม้ ถ้าใช้ในขนาดสูง ๆ อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ขนาดของยาที่ใช้คือ ครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ ก่อนนอน ทั้งผู้ใหญ่และเด็กอายุตั้งแต่ 6 ขวบขึ้นไป ตัวอย่างยากลุ่มนี้เช่น ด๊อกซิเนต (Doxinate) และไดอาโลส (Dialose)
ยาในกลุ่มนี้ ทำให้มีการถ่ายอุจจาระโดยกระตุ้นลำไส้ใหญ่โดยตรง ให้มีการเคลื่อนไหวมากขึ้น และขัดขวางการดูดซึมน้ำและเกลือแร่จากลำไส้เข้าเซลล์บุลำไส้ ยาในกลุ่มนี้จะทำให้ไม่มีอุจจาระค้างอยู่ ต้องใช้เวลา1 - 3 วัน จึงจะถ่ายได้เป็นปกติ ทำให้มักเข้าใจผิดว่าต้องกินยาถ่ายอีก กลับกลายเป็นว่าต้องใช้ยานี้เป็นประจำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ และไม่ควรใช้ยานี้เกินกว่าอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ยากลุ่มนี้เช่น ไดเฟนิลมีเธน (Diphenylmethane) และ บิซาโคดีล (Bisacodyl) กลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มที่ทำให้อุจจาระนุ่ม ยากลุ่มนี้ทำให้อุจจาระเหลวขึ้น โดยสะสมน้ำไว้ในลำไส้ ทำให้สะดวกต่อการถ่ายแต่ไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของลำไส้ ตัวอย่างของยากลุ่มนี้คือ ไดอ๊อกทิล โซเดียม ซัลโฟซัคนิเนต (Dioctyl sodium sulfosuccinate) และมินเนอรัลออย (Mineral oil) ไดอ๊อกทิล โซเดียม ซัลโฟซัคนิเนต มีรสขม อาจให้พร้อมกับนมหรือน้ำผลไม้ ถ้าใช้ในขนาดสูง ๆ อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ขนาดของยาที่ใช้คือ ครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ ก่อนนอน ทั้งผู้ใหญ่และเด็กอายุตั้งแต่ 6 ขวบขึ้นไป ตัวอย่างยากลุ่มนี้เช่น ด๊อกซิเนต (Doxinate) และไดอาโลส (Dialose)
อันนี้คือภาพรวมของยาถ่ายทั่วๆ
ไปครับ
ต่อไปผมจะเสนอตัวอย่างยาถ่ายสมุนไพรให้ท่านผู้ฟังได้รับทราบกันครับ ยาตัวนี้มีชื่อว่ายาถ่ายดีเกลือฝรั่ง ซึ่งประกอบไปด้วย ใบมะกา ใบมะขาม ใบส้มป่อย หญ้าไทร ใบไผ่ป่า
ฝักคูณ รากขี้กาแดง รากขี้กาขาว รากตองแตก เถาวัลย์เปรียง หัวหอม ฝักส้มป่อย
สมอไทย สมอดีงู หนักสิ่งละ 1 ส่วน
ขี้เหล็กทั้ง 5 หนัก 1 ส่วน ยาดำ หนัก 4 ส่วน ดีเกลือฝรั่ง หนัก 20 ส่วน มีสรรพคุณในการแก้ท้องผูก ใช้รับประทาน วันละ 1 ครั้ง
ก่อนนอนครั้งละ 2- 5 เม็ด ตามธาตุหนักเบา
ดีเกลือฝรั่ง มีสูตรทางเคมีว่า MgSO4.7H2O ดีเกลือชนิดที่เป็นเกลือซัลเฟตของแมกนีเซียม
หรือเรียกว่า "แมกนีเซียมซัลเฟต"
เรียกเป็นภาษาสามัญแบบฝรั่งว่า Epsom salts มีลักษณะเป็นผลึกสีขาวหรือใส
คล้ายผงชูรส ไม่มีกลิ่น ละลายน้ำได้ รสเค็ม มีคุณสมบัติเป็นยาระบายถ่ายอุจจาระ
ถ่ายพิษเสมหะและโลหิต นิยมนำเอามาใช้ในการรักษาปลา และยังมีการนำไปใช้ในการเกษตรเรื่องเอาไปช่วยรักษาดินที่ขาดแมกนีเซียม
นอกจากนี้สาวๆ ยังนิยมนำไปเป็นส่วนผสมในการรักษาสิวแบบประหยัดอีกด้วย
อ้างอิง : http://variety.teenee.com/foodforbrain/3539.html http://herbal.pharmacy.psu.ac.th/index.php?option=com_content&task=view&id=61&Itemid=60
http://www.doctor.or.th/node/6185
http://variety.teenee.com/foodforbrain/img9/25206.jpg
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น